สนธิสัญญาริโอเดอจาเนโร(Treaty of Riodejaneiro)

-


                                       
                    สนธิสัญญาริโอเดอจาเนโร(Treaty of Riodejaneiro)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สนธิสัญญาริโอ ว่าด้วยอะไร
ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกซึ่งก่อให้เกิดผลร้ายต่อมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ก่อให้เกิดก๊าซซึ่งไปเพิ่มปฏิกิริยาเรือนกระจก (Green House Effect) ในชั้นบรรยากาศ ที่ทำให้ความหนาแน่นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้นจากที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติเป็นอย่างมาก ผลของก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวจะทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นหรือที่เรียกกันว่า “ภาวะโลกร้อน” ทั้งที่ผิวโลกและในบรรยากาศ เป็นเหตุให้โลกร้อนขึ้นและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นและท่วมบริเวณที่ต่ำ ชายฝั่งทะเล ภูมิอากาศจะแปรเปลี่ยนไปด้วย อุณหภูมิที่สูงขึ้นดังกล่าวจะส่งผลกระทบระบบนิเวศทางธรรมชาติและต่อมวลมนุษย์ด้วย


การปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่มาจากในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศกำลังพัฒนายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำแต่ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสังคมและการพัฒนาของตน ประเทศต่าง ๆ จึงควรร่วมมือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่อากาศและกำจัดก๊าซบางชนิดให้ลดลงสิ้นสุดการสนทนาผ่านปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกซึ่งก่อให้เกิดผลร้ายต่อมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ก่อให้เกิดก๊าซซึ่งไปเพิ่มปฏิกิริยาเรือนกระจก (Green House Effect) ในชั้นบรรยากาศ ที่ทำให้ความหนาแน่นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้นจากที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติเป็นอย่างมาก ผลของก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวจะทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นหรือที่เรียกกันว่า “ภาวะโลกร้อน” ทั้งที่ผิวโลกและในบรรยากาศ เป็นเหตุให้โลกร้อนขึ้นและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นและท่วมบริเวณที่ต่ำ ชายฝั่งทะเล ภูมิอากาศจะแปรเปลี่ยนไปด้วย อุณหภูมิที่สูงขึ้นดังกล่าวจะส่งผลกระทบระบบนิเวศทางธรรมชาติและต่อมวลมนุษย์ด้วย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่มาจากในประเทศที่พัฒนาแล้ว


ในขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศกำลังพัฒนายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำแต่ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสังคมและการพัฒนาของตน ประเทศต่าง ๆ จึงควรร่วมมือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่อากาศและกำจัดก๊าซบางชนิดให้ลดลง

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"Around The Japan" [5]

-
รูปภาพ
        "ฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่น"        กาลในประเทศญี่ปุ่นคือส่วนหนึ่งในการเดินทางไปยังประเทศนี้ เพราะแต่ละฤดูกาลก็จะมีสีสันของธรรมชาติ กลิ่นไอของวัฒนธรรม เทศกาล ประเพณี และความสงบแสงสีเสียงต่าง ๆ เป็นมนต์เสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่น....      ฤดูใบไม้ผลิ  (ฮารุ ปลายเดือนมีนาคม-เมษายน)                   เป็นที่นิยมเที่ยวมากที่สุด  เป็นช่วง ดอกซากุระบาน ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็จะเห็นแต่ ดอกซากุระสะพรั่งไปทั่ว ช่วงนี้คนญี่ปุ่นนิยมออกไปทานข้าวใต้ต้นซากุระจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นคนญี่ปุ่นปูเสื่อใต้ต้นซากุระและบางสถานที่มีการจัดชมดอกซากุระตอนกลางคืนด้วย คนญี่ปุ่นเรียกเทศกาลนี้ว่า Ohanami ซึ่งแปลว่าเทศกาลชมดอกไม้นั่นเอง ช่วงนี้อากาศเย็นกำลังดี และยังเป็นช่วงที่ร้านค้าต่างๆ ยกมาลดราคาสินค้ากันถ้วนหน้า(เป็นการลดราคาสินค้าหน้าหนาวเนื่องจากกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ) อีกทั้งยังเป็นช่วงเดียวกับ...
อ่านเพิ่มเติม

"Around The Japan"[8]

-
รูปภาพ
10 กิจกรรมต้อนรับวันปีใหม่ของประเทศญี่ปุ่น   คนญี่ปุ่น ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ก็ยังมีความเชื่อเรื่องสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้า โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่นั้น คนญี่ปุ่นมีกิจกรรมต้อนรับปีใหม่ ที่น่าสนใจมากมาย วันที่ 1 มกราคม เรียกว่า โอะโชกัทสึ จะมีการเฉลิมฉลอง และต้อนรับเทพเจ้าแห่งปี “โทชิโทคุจิ” เทพเจ้าที่นำความอุดมสมบูรณ์ทางพืชพันธุ์ธัญญาหารมาให้ จึงต้องจัดเตรียมสิ่งต่างๆ เพื่อเป็นการต้อนรับและเฉลิมฉลอง นอกจากนี้ คนญี่ปุ่นยังมีกิจกรรมการไปวัดครั้งแรกของปีใหม่ และชมแสงแรกของปี อีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วมาติดตามกันเลย 1. การตีระฆังวันสิ้นปี “โจยาโนะ คาเนะ”                             เมื่อเข้าสู่คืนวันที่ 31 ธันวาคม ตามวัดทั้งประเทศญี่ปุ่นจะมีพิธีการตีระฆังเป็นจำนวน 108 ครั้ง ซึ่งเรียกว่า”ระฆังส่งท้ายปี” ถือเป็นการขับไล่กิเลสชั่วร้าย 108 อย่างที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ เพราะเชื่อว่าการตีระฆังจะช่วยล้างบาป และขจัดกิเลส ตัณหาได้ 2. การประดับตกแต่งในวันขึ้นปีใหม่ คาโดมัทสึ ...
อ่านเพิ่มเติม

"Around The Japan" [6]

-
รูปภาพ
"ขนมหวานของญี่ปุ่น (Japanese sweets & desserts)"         รวมเรียกขนมหวานของญี่ปุ่นว่า "วากาชิ" (Wagashi - 和菓子) ซึ่งมีมานานตั้งแต่สมัยนะระหรือประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว แต่เฟื่องฟูสุดๆในช่วงเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603-1867) โดยเฉพาะในเมืองเกียวโตและโตเกียว แต่ละร้านแข่งกันขายแข่งกันคิดขนมใหม่ๆจนกลายเป็นต้นตำรับของขนมญี่ปุ่นถึงจะได้ชื่อว่าเป็นขนมหวานประจำชาติ แต่ชาวญี่ปุ่นก็ไม่ได้กินวากาชิกันบ่อยๆ ซึ่งวากาชินี้จะกินเป็นของว่างและในโอกาสพิเศษเมื่อมีพิธีการต่างๆเช่น พิธีแต่งงาน หรือพิธีชงชาและแรงบันดาลใจของพ่อครัวแม่ครัวในการสร้างสรรค์ขนมวากาชินั้นก็ได้มาจาธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ร่วงจะทำขนมคิคุโกะโระโมะรูปดอกเบญจมาศ ส่วนฤดูหนาวก็ทำยูคิโมจิ หรือโมจิหิมะ เป็นต้นมาถึงการแบ่งประเภทของวากาชิกันบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจนเพราะขนมแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โจ นะมะกะชิ (Jyo-Namagashi, Jonamagashi) ขนมญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ เป็นแป้งห่อไส้ถั่วแดงบดหรือ "อัน" (An) ...
อ่านเพิ่มเติม